วัดฝั่งหมิ่นตั้งอยู่เลขที่ 30 หมู่ที่ 6 ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย
มีเนื้อที่และเขตธรณีสงฆ์ จำนวนทั้งสิ้น 29 ไร่ 2 งาน 60 ตารางวา วัดฝั่งหมิ่นตั้งอยู่ริมแม่น้ำกกด้านทิศตะวันออกของเขตเทศบาลนครเชียงราย ห่างจากสะพานข้ามแม่น้ำกก 1 กิโลเมตร
คำว่า “ฝั่งหมิ่น” หมายถึงแผ่นดินที่เกือบจะหลุดหรือจะพัง วัดฝั่งหมิ่น หมายถึงวัดที่ตั้งอยู่บนฝั่งน้ำที่ใกล้ชิดติดแม่น้ำและเกือบจะพังลง
ประวัติความเป็นมา : วัดฝั่งหมิ่น เป็นวัดที่ไม่ปรากฏชื่อผู้สร้างเป็นที่แน่นอนหรือเด่นชัด แต่จากการตรวจสอบซากโบราณวัตถุ ซากอิฐ ชิ้นส่วนของพระพุทธรูปหิน และวัสดุ ที่ค้นพบในบริเวณวัด รวมทั้งตำนาน และเรื่องเล่าจากผู้เฒ่าผู้แก่ ทำให้สันนิษฐานได้ว่าเป็นวัดที่มีมาช้านาน
แต่เนื่องจากวัดนี้ตั้งอยู่บนริมแม่น้ำกก ทางเดินของน้ำได้ไหลเปลี่ยนทิศทาง เซาะตลิ่งจนถึงบริเวณวัด ทำให้วัดล่มสลาย แต่ที่เป็นน่าอัศจรรย์ยิ่งนักที่กระแสน้ำไม่ได้พัดพาเอาเศษอิฐและวัสดุภายในวัดให้ไหลตามแม่น้ำ พระภิกษุสงฆ์และคณะศรัทธาวัดได้ช่วยกันสร้างถาวรวัตถุเพื่อพระพุทธศาสนาสืบต่อมา จนได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2512
ต่อมาทางน้ำไหลเปลี่ยนทิศทาง ทำให้บริเวณวัดเดิมเกิดมูลดินทราย โผล่พ้นขึ้นเป็นเกาะขึ้นมา กลายเป็นวัดร้างปรากฏให้เห็นเฉพาะฐานรากพระวิหาร เศษวัสดุดั้งเดิมของวัด เช่น อิฐ ไม้ ซากพระพุทธรูปหินมากมาย ชาวบ้านจึงช่วยกันขุดค้น ตกแต่งฐานพระวิหารและทำการบูรณปฏิสังขรณ์ สร้างเป็นวัดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง จากคำบอกเล่า ในช่วงที่วัดเดิมได้ตั้งอยู่บริเวณฝั่งแม่น้ำก่อนที่น้ำจะเซาะตลิ่ง และวัดล่มสลายนั้น บริเวณหน้าวัดเป็นวังน้ำวนขนาดใหญ่ เป็นที่จอดเรือสินค้า ของชาวจีนและชาวลาวจากล้านช้าง ที่ล่องเรือตามลำน้ำกกมาค้าขายกับชาวเชียงราย บ่อยครั้ง
พระพุทธรูปปฎิหาริย์มงคล : พระพุทธรูปปฏิหาริย์มงคล ประดิษฐานที่วัดฝั่งหมิ่น เป็นพระพุทธรูปสำริด ปางมารวิชัย ศิลปะล้านนา เรียกกันทั่วไปว่า พระเชียงแสนสิงห์สาม ประมาณพุทธศตวรรษที่ 21 ขัดสมาธิราบ ที่เป็นลักษณะเด่น คือ มีพระพักตร์รูปไข่ พระขนงโก่งโค้งเป็นเส้นนูนลงมาบรรจบกัน บนดั้งพระนาสิกขมวดพระเกศาเล็ก มีพระรัศมีรูปเปลวเพลิง องค์พระบอบบาง ชายสังฆาฏิห้อยจากพระอังสาซ้ายยาวลงมาจนถึงพระนาภี ประทับบนฐานบัลลังก์บัวหงาย
ผู้ถวายพระพุทธรูปที่เก่าแก่องค์นี้ไว้กับวัดฝั่งหมิ่น คือ แม่อุ้ยตุ๊ด ผู้เฒ่าผู้แก่ของหมู่บ้านแห่งนี้เล่าว่า เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ประจำชุมชนฝั่งหมิ่นมาโดยตลอด ไม่ว่าจะถูกโจรกรรมไปกี่ครั้ง ก็จะเกิดเภทภัยพิบัติกับผู้ที่โจรกรรมไป และสามารถได้กลับคืนมาทุกครั้ง ได้แก่
ครั้งที่ 1 เมื่อประมาณ 150 ปีที่ผ่านมา คือปี พ.ศ. 2399 พระพุทธรูป องค์นี้ได้ถูกโจรกรรมไปแบบไร้ร่องรอย จนในที่สุดได้มีผู้นำพระพุทธรูป องค์ดังกล่าวกลับคืนมา สร้างความปลาบปลื้มปิติอย่างยิ่งให้กับศรัทธาสาธุชน
ครั้งที่ 2 กลุ่มโจรได้ทราบข่าวพระพุทธรูปองค์ศักดิ์สิทธิ์องค์นี้ จึงโจรกรรมไปอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลุ่มโจรกรรมได้นำพระพุทธรูปไปซ่อนไว้ ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง อยู่บริเวณใกล้ๆ ฝั่งแม่น้ำกก ในคืนนั้นได้มีชาวบ้าน ในชุมชนฝั่งหมิ่นฝันว่า มีคนมาบอกให้ไปค้นหาวัตถุสิ่งหนึ่งที่มีค่ามาก อยู่บริเวณนั้น พอตื่นเช้าขึ้นมาคนที่ฝันก็นำข่าวนี้มาบอกแก่เจ้าอาวาส และผู้เฒ่าผู้แก่หลายคน ไปสืบค้นและเสาะหาอยู่นานพอสมควร จนในที่สุด ก็ไปพบพระพุทธรูปองค์ดังกล่าวที่ถูกโจรกรรมไปแอบซ่อนอยู่ใต้ต้นไม้
จากเหตุการณ์ทั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมา ทำให้ชาวบ้านรู้สึกว่าน่าอัศจรรย์ อย่างยิ่ง “พระพุทธรูปปาฏิหาริย์มงคล” จึงเป็นพระพุทธรูปที่ชุมชนฝั่ง หมิ่นให้การเคารพนับถือมาจนถึงปัจจุบัน
ติดตามเรา กด “ถูกใจเพจ” เพื่อรับชมสถานที่ท่องเที่ยว และสถานที่สำคัญอื่นๆ ทั่วเขตเทศบาลนครเชียงราย และพื้นที่เชื่อมต่อ
This message is only visible to admins.
Problem displaying Facebook posts.
Click to show error
ให้กำลังใจเรา กดถูกใจ บทความนี้
แบ่งปันเรื่องราวนี้ให้เพื่อนๆ กดแชร์ บทความนี้